ไขมันพอกตับ ภัยเงียบนำไปสู่โรคร้ายทำลายตับ มาทำความเข้าใจและดูแลตับของคุณให้สมดุล
ในยุคที่วิถีชีวิตเร่งรีบ อาหารการกินอุดมไปด้วยไขมันและน้ำตาล รวมถึงความเครียดสะสม ทำให้คนไทยจำนวนมากกำลังเผชิญกับภาวะ "ไขมันพอกตับ" ภัยเงียบที่มักไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่หากปล่อยไว้อาจนำไปสู่ภาวะตับอักเสบ ตับแข็ง หรือแม้แต่โรคร้ายอย่าง "มะเร็งตับ" ได้ในที่สุด
ไขมันพอกตับเกิดจากอะไร?
สาเหตุหลักของไขมันพอกตับในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่การดื่มแอลกอฮอล์อีกต่อไป แต่ส่วนใหญ่เกิดจาก "ภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์" (NAFLD) ซึ่งมักมีความเชื่อมโยงกับ กลุ่มอาการเมตาบอลิก ได้แก่:
- โรคอ้วน หรือน้ำหนักเกิน: โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีไขมันสะสมบริเวณช่องท้อง (อ้วนลงพุง)
- ภาวะดื้อต่ออินซูลิน หรือโรคเบาหวานชนิดที่ 2: เมื่อร่างกายใช้อินซูลินได้ไม่ดี ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ตับจึงทำงานหนักและสะสมไขมันมากขึ้น
- ภาวะไขมันในเลือดสูง: ทั้งไตรกลีเซอไรด์สูง และคอเลสเตอรอลรวมสูง โดยเฉพาะ LDL (ไขมันไม่ดี) ที่สูง และ HDL (ไขมันดี) ที่ต่ำ
- ความดันโลหิตสูง: มักเป็นอาการร่วมกับภาวะอื่นๆ
นอกจากนี้ พฤติกรรมการกินอาหารที่มีน้ำตาลสูง (โดยเฉพาะฟรุกโตส) ไขมันทรานส์ คาร์โบไฮเดรตขัดสีมากเกินไป และการขาดการออกกำลังกาย ก็ล้วนเป็นตัวการสำคัญที่ส่งเสริมให้เกิดไขมันพอกตับได้ง่ายขึ้น
คุณมีความเสี่ยงไขมันพอกตับหรือไม่?
- ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ?
- มีน้ำหนักเกิน หรืออ้วนลงพุง?
- ตรวจพบน้ำตาลในเลือดสูง หรือเป็นเบาหวาน?
- มีภาวะไขมันในเลือดสูง?
- มีความดันโลหิตสูง?
- ทานอาหารแปรรูป น้ำหวาน ขนมหวานบ่อย?
- ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย?
หากคุณมีปัจจัยเหล่านี้หลายข้อ คุณควรเริ่มหันมาดูแลสุขภาพตับของคุณอย่างจริงจัง!
ไขมันพอกตับในระยะเริ่มต้นมักไม่มีอาการชัดเจน แต่เมื่อมีการสะสมของไขมันมากขึ้น อาจมีอาการ เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ปวดหรือแน่นใต้ชายโครงขวา เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ผิวเหลือง ตาเหลือง และอาจมีอาการของโรคตับแข็ง เช่น เลือดออกง่าย หรือขาบวม
อาการไขมันพอกตับที่พบบ่อย
- อ่อนเพลีย: รู้สึกเหนื่อยง่าย แม้ไม่ได้ทำกิจกรรมหนัก
- ปวดหรือแน่นใต้ชายโครงขวา: รู้สึกไม่สบายหรือปวดบริเวณใต้ชายโครงด้านขวา
- เบื่ออาหาร: ไม่ค่อยอยากอาหารหรือกินน้อยลง
- น้ำหนักลด: น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ผิวเหลือง ตาเหลือง: ผิวหนังและดวงตาเริ่มมีสีเหลือง
- ปัสสาวะสีเข้ม: ปัสสาวะมีสีเข้มกว่าปกติ
- ท้องอืด: รู้สึกไม่สบายท้อง ท้องอืด
การดูแลและป้องกันไขมันพอกตับ เริ่มต้นที่ตัวคุณ!
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันและลดภาวะไขมันพอกตับ:
- ปรับพฤติกรรมการกิน:
- ลดอาหารที่มีไขมันสูง ของทอด ของมัน
- ลดการบริโภคน้ำตาลและเครื่องดื่มรสหวานจัด
- เพิ่มการทานผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีนไม่ติดมัน
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: ช่วยเผาผลาญไขมัน ลดน้ำหนัก และเพิ่มความไวของอินซูลิน
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม: เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการลดไขมันในตับ
- หลีกเลี่ยงหรือลดปริมาณแอลกอฮอล์: เพื่อลดภาระการทำงานของตับ
- จัดการความเครียด: ความเครียดส่งผลต่อฮอร์โมนและอาจกระตุ้นการอักเสบในร่างกายได้